เลิศบุษยา (https://www.gotoknow.org/posts/503050) ได้รวบรวมรูปแบบการการจัดการเรียนรู้วิธีธรรมชาติ
โดยกล่าวถึงการจัดการเรียนการสอนแบบวอลดอร์ฟ (Waldorf Method) ไว้ดังนี้
แนวคิดพื้นฐาน
การเรียนการสอนแบบวอลดอร์ฟอยู่บนพื้นฐานที่ว่าการเรียนรู้ของคนเกิดจากความสมดุลของความคิด
ความรู้สึก และเจตจำนงของคน ๆ นั้น
หากเด็กได้อยู่ในบรรยากาศแห่งความต้องการ ความรู้สึกสบายใจ ความผ่อนคลาย เด็กจะถ่ายทอดความคิดและการเรียนรู้อย่างแยบคลายร่วมไปกับการทำกิจกรรมที่เขากระทำอยู่
รูดอล์ฟ สไตเนอร์ ( Rudolf Stiner , 1861 –
1925 ) ได้จัดตั้งโรงเรียนวอลดอร์ฟ ( Waldorf School ) แห่งแรกขึ้นที่สตุทการ์ต
ประเทศเยอรมนี เมื่อเดือนกันยายน
ค.ศ. 1919
โดยมีความเชื่อว่าการศึกษาคือการช่วยคนให้ดำเนินวิถีชีวิตแห่งตนที่ถูกต้องตามธรรมชาติด้วยการให้เด็กทำกิจกรรมตามแต่ตนสนใจโดยมีครูและผู้ปกครองเป็นผู้ป้องกันเด็กจากการรบกวนของโลกสมัยใหม่และเทคโนโลยี
สิ่งที่เด็กสัมผัสต้องเป็นธรรมชาติที่บริสุทธ์
แนวคิดของสไตเนอร์ เน้นการเรียนรู้ของเด็กอย่างเป็นธรรมชาติ
เพราะสไตเนอร์เชื่อว่าเด็กสามารถพัฒนาศักยภาพแห่งตนได้ภายใต้การเรียนรู้อย่างเป็นธรรมชาติไม่ต้องตกแต่งการสอนของครู
ต้องเป็นการสร้างการเรียนรู้อย่างนุ่มนวลและแทรกซึมไปกับความรู้สึกของเด็กตามธรรมชาติโดยไม่ต้องสัมผัสกับเทคโนโลยี
หลักการสอน
หัวใจของการเรียนการสอนแบบวอลดอร์ฟ คือ
การสร้างความสมดุลของจิตมนุษย์ 3 ประการ
ได้แก่ ความคิด ความรู้สึก และการกระทำ โดยไม่มีการรบกวนจากเทคโนโลยีภายนอก ความสงบทางจิตใจจะช่วยให้เด็กเรียนรู้จากการใช้วินัยในตนเอง
วิธีจัดการเรียนการสอน
การเรียนการสอนตามแบบวอลดอร์ฟ เป็นวิธีการตามแบบธรรมชาติ
เป็นไปตามบรรยากาศของชุมชนและตารางกิจกรรมประจำวัน ที่ครูและผู้เรียนจะเรียนรู้ร่วมกันตามความสนใจของเด็ก วิธีการจัดการเรียนการสอนจะเป็นการจัดกระทำทั้งระบบตั้งแต่บรรยากาศของโรงเรียน
สิ่งแวดล้อมและห้องเรียนต้องเป็นไปตามวิถีธรรมชาติ รวมถึงการจัดการเรียนการสอนของครู ในขั้นตอนการสอนของครูจะมีลักษณะเฉพาะต่างจากการเรียนการสอนแบบอื่น
ๆ ตรงที่การกระตุ้นการเรียนรู้เริ่มจากการแสดงแบบให้เด็กเห็นตามบรรยากาศที่จูงใจ
การจัดสิ่งแวดล้อมการเรียนรู้
การเรียนรู้ของวอลดอร์ฟมาจากการซึมซับด้วยการสืบสานโดยตามธรรมชาติและตามธรรมชาติที่หล่อหลอมเข้าภายในตัวเด็กทั้งกายและจิตวิญญาณ
บรรยากาศการเรียนรู้รอบตัวเด็กทั้งในชั้นเรียนและนอกชั้นเรียนหรือกลางแจ้งต้องเป็นบรรยากาศที่งดงามตามธรรมชาติที่บริสุทธิ์
ประกอบด้วยความสงบและอ่อนโยน
บทบาทครู
ครูมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการควบคุมเรียนรู้และการใช้ชีวิตอย่างธรรมชาติของเด็ก
งานของครูที่โรงเรียนคือการจัดการเรียนการสอนด้วยการเป็นตัวอย่าง
การจัดสิ่งแวดล้อมที่มีบรรยากาศอบอุ่นและผ่อนคลาย ในขณะเดียวกันครูต้องเป็นผู้เชื่อมสานงานโรงเรียนสู่บ้านเพื่อสานภารกิจการสร้างพลังการเรียนรู้อย่างธรรมชาติให้เกิดขึ้นกับเด็ก ครูต้องทำหน้าที่ในการติดตามประเมินผลความเจริญก้าวหน้าของเด็กในการเรียนรู้ของเด็กเป็นรายบุคคล
ครูมิใช่เป็นเพียงผู้ที่อำนวยความสะดวกในการเรียนรู้ แต่ครูจะถ่ายทอดความคิด ความรู้สึก
ความมุ่งมั่นและความรักอย่างแท้จริงให้กับเด็กเพื่อให้เด็กได้พบโอกาสของการพัฒนาศักยภาพภายในตนเองได้มากที่สุดและเต็มศักยภาพ
ข้อดีของการเรียนการสอนตามแบบวอลดอร์ฟ
1. การใช้วิถีธรรมชาติเพื่อพัฒนาการเรียนรู้เป็นสะระหนึ่งที่สำคัญซึ่งครูสามารถนำไปประยุกต์สู่การสอนตามปกติได้
2. การใช้สื่อการเรียนรู้ธรรมชาติที่ไม่ใช้อุปกรณ์สำเร็จรูปสามารถสร้างเสริมการเรียนรู้ให้กับเด็กมากกว่า
3. ครูควรให้ความสนใจกับการใช้อุปกรณ์ธรรมชาติให้เด็กได้สัมผัสและนำมาสร้างสรรค์การเรียนรู้ด้วนตนเอง
สุริน
ชุมสาย ณ อยุธยา.(2553). http://surinx.blogspot.com/2010/08/2550-40-107-3-1-2-3-20-3-20-4-2550-45.html ได้กล่าวถึงหลักการจัดการศึกษา/การสอนโดยวิธีธรรมชาติไว้ ดังนี้
1. การจัดประสบการณ์เรียนรู้ให้แก่เด็กจะต้องมีความแตกต่างไปจากการจัดให้ผู้ใหญ่ เนื่องจากเด็กมีสภาวะที่ต่างไปจากวัยอื่น ๆ
2. การจัดการศึกษาให้แก่เด็กควรยึดเด็กเป็นศูนย์กลาง ให้เสรีภาพแก่เด็กที่จะเรียนรู้ตามความต้องการและความสนใจของตน เพื่อให้เด็กได้เรียนรู้อย่างอิสระ
3. ลักษณะการจัดการเรียนรู้ที่เหมาะสมสำหรับเด็ก คือการจัดให้เด็กได้เรียนรู้จากธรรมชาติและเป็นไปตามธรรมชาติ ได้แก่
3.1 ให้เด็กได้เล่นอย่างอิสระ
3.2 ให้เด็กได้รับประสบการณ์ตรง
3.3 ให้เด็กได้เรียนจากของจริงและประสบการณ์จริง
3.4 ให้เด็กได้เรียนรู้จากผลของการกระทำของตน
4.การจัดประสบการณ์เรียนรู้ให้เด็กจะต้องคำนึงถึงความแตกต่างระหว่างบุคคลและความพร้อมของเด็ก
1. การจัดประสบการณ์เรียนรู้ให้แก่เด็กจะต้องมีความแตกต่างไปจากการจัดให้ผู้ใหญ่ เนื่องจากเด็กมีสภาวะที่ต่างไปจากวัยอื่น ๆ
2. การจัดการศึกษาให้แก่เด็กควรยึดเด็กเป็นศูนย์กลาง ให้เสรีภาพแก่เด็กที่จะเรียนรู้ตามความต้องการและความสนใจของตน เพื่อให้เด็กได้เรียนรู้อย่างอิสระ
3. ลักษณะการจัดการเรียนรู้ที่เหมาะสมสำหรับเด็ก คือการจัดให้เด็กได้เรียนรู้จากธรรมชาติและเป็นไปตามธรรมชาติ ได้แก่
3.1 ให้เด็กได้เล่นอย่างอิสระ
3.2 ให้เด็กได้รับประสบการณ์ตรง
3.3 ให้เด็กได้เรียนจากของจริงและประสบการณ์จริง
3.4 ให้เด็กได้เรียนรู้จากผลของการกระทำของตน
4.การจัดประสบการณ์เรียนรู้ให้เด็กจะต้องคำนึงถึงความแตกต่างระหว่างบุคคลและความพร้อมของเด็ก
https://translate.google.co.th/translatehl=th&sl=en&u=https://en.wikipedia.org/wiki/Natural_approach&prev=search วิธีธรรมชาติ เป็นวิธีการในการเรียนการสอนภาษาที่พัฒนาโดยสตีเฟ่นคราและ
เทรซี่เทอร์เรในช่วงปลายปี 1970 และต้นปี 1980 โดยมีจุดมุ่งหมายที่จะส่งเสริมให้เกิดการยึดการพัฒนาทักษะภาษาในการตั้งค่าห้องเรียนและเพื่อการนี้จะเน้นการสื่อสารและสถานที่ลดลงความสำคัญกับการใส่ใจไวยากรณ์การศึกษาและการแก้ไขข้อผิดพลาดที่ชัดเจนของนักเรียน ความพยายามที่จะทำยังเพื่อให้สภาพแวดล้อมการเรียนรู้เป็นที่ปราศจากความเครียดที่เป็นไปได้ ในวิธีธรรมชาติเอาท์พุทภาษาไม่ได้บังคับ
แต่ได้รับอนุญาตให้ออกมาเป็นธรรมชาติหลังจากที่นักเรียนได้เข้าร่วมจำนวนมากของการป้อนข้อมูลภาษาที่เข้าใจ
วิธีธรรมชาติได้กลายเป็นที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดกับครารูปแบบการตรวจสอบและมันก็มักจะเห็นเป็นประยุกต์ใช้ทฤษฎีเพื่อการเรียนการสอนภาษา แม้จะมีการรับรู้นี้มีความแตกต่างโดยเฉพาะอย่างยิ่งมุมมองของเทอร์เร ว่าระดับของการศึกษาไวยากรณ์สติบางคนสามารถเป็นประโยชน์ หลักสูตรมุ่งเน้นไปที่กิจกรรมที่ เทอร์เรเห็นว่าการส่งเสริมการเรียนรู้ภาษาจิตใต้สำนึก เขาแบ่งกิจกรรมเหล่านี้เป็นสี่ส่วนหลักคือเนื้อหากิจกรรม เช่น
การเรียนรู้เรื่องใหม่ในภาษาเป้าหมาย กิจกรรมที่มุ่งเน้นไปที่การปรับแต่งภาษา เช่น
นักเรียนแบ่งปันเพลงโปรดของพวกเขา เกม และกิจกรรมการแก้ปัญหา
http://neric-club.com/data.php?page=48&menu_id=76 ได้กล่าวถึงวิธีธรรมชาติ ( Natural
Method ) ไว้ดังนี้
วิธีนี้ใช้วิธีสอนโดยให้ผู้เรียนพบปะคลุกคลีกับเจ้าของภาษาโดยตรง
เป็นวิธีที่จะต้องลงทุนมาก เพราะจะต้องจ้างครูอังกฤษหรืออเมริกา
หรือครูไทยที่พูดภาษาอังกฤษเก่ง ๆ มาสอน หรือส่งผู้เรียนไปยังประเทศเจ้าของภาษา
การสอนใช้วิธีพูดเป็นหลัก และผู้สอนจะเน้นเรื่องคำศัพท์มาก
โดยถือว่าการเรียนภาษานั้นคือการเรียนคำศัพท์
ถ้านักเรียนรู้จักคำศัพท์มากก็ถือว่านักเรียนคนนั้นรู้ภาษาดี
ส่วนไวยากรณ์ที่เรียนนั้นก็เป็นแบบให้คำจำกัดความและกฎเกณฑ์
และเนื้อเรื่องที่เรียนก็มักจะยึดเอาเหตุการณ์ซึ่งเกิดขึ้นในขณะนั้นเป็นเกณฑ์ เช่น
วันที่อากาศครึ้มฝนตก ครูมักจะคุยกับนักเรียนเรื่องฝนหรือเรื่องอื่น ๆ
ที่นักเรียนสนใจอยู่ในขณะนั้น
การเรียนด้วยวิธีนี้ ถ้าได้ครูที่มีความสามารถ
นักเรียนจะเรียนภาษาใหม่ได้เร็ว และได้เปรียบวิธีสอนแบบอื่น ๆ
ตรงที่ผู้เรียนได้มีโอกาสคลุกคลีกับภาษาอังกฤษโดยตรง
ข้อเสียของวิธีสอนแบบธรรมชาติ
1. เป็นวิธีที่ต้องลงทุนมาก
2. ครูมักจะเป็นผู้พูดเสียเองเป็นส่วนมาก
ทำให้นักเรียนไม่ค่อยมีโอกาสได้ฝึก ถึงแม้จะพูดก็พูดไม่ได้ดีจริง
และอาจจะพูดผิดไวยากรณ์
เพราะครูผู้สอนมักจะถือหลักว่าพูดพอให้เข้าใจกันได้เท่านั้น
ไม่ต้องถูกทั้งหมดก็ใช้ได้
3 เนื่องจากการสอนไม่ได้เน้นโครงสร้างของภาษา
ไม่มีการคัดเลือกรูปแบบประโยค ( pattern
) มาสอนตามลำดับ
และไม่ย้ำรูปแบบประโยครูปใดรูปหนึ่งมาทำการฝึกจนนักเรียนทำได้อย่างแม่นยำ
จึงปรากฏว่านักเรียนไม่สามารถจะใช้ภาษาได้อย่างถูกต้อง
เลิศชาย
ปานมุข http://www.banprak-nfe.com/webboard/index.php?topic=2874.0;wap2 ได้รวบรวมทฤษฏีทางจิตวิทยาที่เกี่ยวข้องกับการสอนคณิตศาสตร์
ไว้ ทฤษฏีการสอนแบบธรรมชาติ (The Natural Approach) คือ
การนำเรื่องราวของชีวิตจริงในชีวิตประจำวัน
มาเป็นสถานการณ์ประกอบการเรียนการสอนในห้องเรียน เน้นการเรียนรู้ที่เกิดจากความพร้อมของสภาพการณ์
หรือสิ่งแวดล้อมที่มีอยู่แล้วตามธรรมชาติและธรรมชาติของการรับรู้
ซึ่งเป็นปัจจัยที่สามารถช่วยให้นักเรียนทำการสรุป ทำความเข้าใจ
หรือหยั่งรู้ให้เกิดสติปัญญาขึ้นมาได้เองและนำสิ่งที่เป็นธรรมชาติมาใช้ให้เกิดการเรียนรู้
และประยุกต์ความรู้ไปใช้แก้ปัญหาธรรมชาติด้วย
แต่ครูผู้สอนจะต้องจัดกระบวนการสอนหรือกิจกรรมการเรียนการสอนต่างๆที่เหมาะสมกับประสบการณ์เดิมหรือความรู้ที่นักเรียนเคยได้รับมาก่อน
รวมทั้งจะต้องคำนึงถึงธรรมชาติตามวัยของเด็กและความแตกต่างระหว่างบุคคลด้วย
สรุป
ทฤษฏีการสอนแบบธรรมชาติ (The Natural
Approach)
เป็นการนำเรื่องราวของชีวิตจริงในชีวิตประจำวัน
มาเป็นสถานการณ์ประกอบการเรียนการสอนในห้องเรียน เน้นการเรียนรู้ที่เกิดจากความพร้อมของสภาพการณ์
หรือสิ่งแวดล้อมที่มีอยู่แล้วตามธรรมชาติและธรรมชาติของการรับรู้
ซึ่งเป็นปัจจัยที่สามารถช่วยให้นักเรียนทำการสรุป ทำความเข้าใจ
หรือหยั่งรู้ให้เกิดสติปัญญาขึ้นมาได้เองและนำสิ่งที่เป็นธรรมชาติมาใช้ให้เกิดการเรียนรู้
และประยุกต์ความรู้ไปใช้แก้ปัญหาธรรมชาติด้วย
แต่ครูผู้สอนจะต้องจัดกระบวนการสอนหรือกิจกรรมการเรียนการสอนต่างๆที่เหมาะสมกับประสบการณ์เดิมหรือความรู้ที่นักเรียนเคยได้รับมาก่อน
รวมทั้งจะต้องคำนึงถึงธรรมชาติตามวัยของเด็กและความแตกต่างระหว่างบุคคลด้วย
แนวคิดพื้นฐาน
การเรียนการสอนแบบวอลดอร์ฟเป็นวิธีการตามแบบธรรมชาติบนพื้นฐานที่ว่าการเรียนรู้ของคนเกิดจากความสมดุลของความคิด
ความรู้สึก และเจตจำนงของคน ๆ นั้น
หากเด็กได้อยู่ในบรรยากาศแห่งความต้องการ ความรู้สึกสบายใจ ความผ่อนคลาย เด็กจะถ่ายทอดความคิดและการเรียนรู้อย่างแยบคลายร่วมไปกับการทำกิจกรรมที่เขากระทำอยู่
แนวคิดของสไตเนอร์ เน้นการเรียนรู้ของเด็กอย่างเป็นธรรมชาติ
เพราะสไตเนอร์เชื่อว่าเด็กสามารถพัฒนาศักยภาพแห่งตนได้ภายใต้การเรียนรู้อย่างเป็นธรรมชาติไม่ต้องตกแต่งการสอนของครู
ต้องเป็นการสร้างการเรียนรู้อย่างนุ่มนวลและแทรกซึมไปกับความรู้สึกของเด็กตามธรรมชาติโดยไม่ต้องสัมผัสกับเทคโนโลยี
มักจะเห็นการประยุกต์วิธีนี้ในการสอนภาษา การสอนภาษาโดยวิธีธรรมชาติ ผู้เรียนจะได้คลุกคลีกับเจ้าของภาษโดยตรง
โดยมีจุดมุ่งหมายที่จะส่งเสริมให้เกิดการยึดการพัฒนาทักษะภาษาที่เน้นการสื่อสารและลดความสำคัญกับการใส่ใจไวยากรณ์การศึกษาและการแก้ไขข้อผิดพลาดที่ชัดเจนของนักเรียน ความพยายามที่จะทำยังเพื่อให้สภาพแวดล้อมการเรียนรู้เป็นที่ปราศจากความเครียดที่เป็นไปได้ ในวิธีธรรมชาติ output ภาษาไม่ได้บังคับ
แต่ได้รับอนุญาตให้ออกมาเป็นธรรมชาติหลังจากที่นักเรียนได้เข้าร่วมจำนวนมากของการป้อนข้อมูลภาษาที่เข้าใจ
วิธีจัดการเรียนการสอน
เป็นไปตามบรรยากาศของชุมชนและตารางกิจกรรมประจำวัน ที่ครูและผู้เรียนจะเรียนรู้ร่วมกันตามความสนใจของเด็ก วิธีการจัดการเรียนการสอนจะเป็นการจัดกระทำทั้งระบบตั้งแต่บรรยากาศของโรงเรียน
สิ่งแวดล้อมและห้องเรียนต้องเป็นไปตามวิถีธรรมชาติ รวมถึงการจัดการเรียนการสอนของครู ในขั้นตอนการสอนของครูจะมีลักษณะเฉพาะต่างจากการเรียนการสอนแบบอื่น
ๆ ตรงที่การกระตุ้นการเรียนรู้เริ่มจากการแสดงแบบให้เด็กเห็นตามบรรยากาศที่จูงใจ
โดยสามารถจัดได้ดังนี้
1. การจัดประสบการณ์เรียนรู้ให้แก่เด็กจะต้องมีความแตกต่างไปจากการจัดให้ผู้ใหญ่
เนื่องจากเด็กมีสภาวะที่ต่างไปจากวัยอื่น ๆ
2. การจัดการศึกษาให้แก่เด็กควรยึดเด็กเป็นศูนย์กลาง ให้เสรีภาพแก่เด็กที่จะเรียนรู้ตามความต้องการและความสนใจของตน เพื่อให้เด็กได้เรียนรู้อย่างอิสระ
3. ลักษณะการจัดการเรียนรู้ที่เหมาะสมสำหรับเด็ก คือการจัดให้เด็กได้เรียนรู้จากธรรมชาติและเป็นไปตามธรรมชาติ ได้แก่
3.1 ให้เด็กได้เล่นอย่างอิสระ
3.2 ให้เด็กได้รับประสบการณ์ตรง
3.3 ให้เด็กได้เรียนจากของจริงและประสบการณ์จริง
3.4 ให้เด็กได้เรียนรู้จากผลของการกระทำของตน
4. การจัดประสบการณ์เรียนรู้ให้เด็กจะต้องคำนึงถึงความแตกต่างระหว่างบุคคลและความพร้อมของเด็ก
2. การจัดการศึกษาให้แก่เด็กควรยึดเด็กเป็นศูนย์กลาง ให้เสรีภาพแก่เด็กที่จะเรียนรู้ตามความต้องการและความสนใจของตน เพื่อให้เด็กได้เรียนรู้อย่างอิสระ
3. ลักษณะการจัดการเรียนรู้ที่เหมาะสมสำหรับเด็ก คือการจัดให้เด็กได้เรียนรู้จากธรรมชาติและเป็นไปตามธรรมชาติ ได้แก่
3.1 ให้เด็กได้เล่นอย่างอิสระ
3.2 ให้เด็กได้รับประสบการณ์ตรง
3.3 ให้เด็กได้เรียนจากของจริงและประสบการณ์จริง
3.4 ให้เด็กได้เรียนรู้จากผลของการกระทำของตน
4. การจัดประสบการณ์เรียนรู้ให้เด็กจะต้องคำนึงถึงความแตกต่างระหว่างบุคคลและความพร้อมของเด็ก
ที่มา
เลิศบุษยา.[online]. https://www.gotoknow.org/posts/503050. การเรียนการสอนแบบวอลดอร์ฟ. สืบค้น เมื่อ 20 สิงหาคม 2558
สุริน ชุมสาย ณ อยุธยา.(2553).[online].http://surinx.blogspot.com/2010/08/2550-40-107-3-1-2-3-20-3-20-4-2550- 45.html . ทฤษฎีการเรียนรู้. สืบค้นเมื่อ 20 สิงหาคม 2558
https://translate.google.co.th/translate?hl=th&sl=en&u=https://en.wikipedia.org/wiki/Natural_approach&prev=search.
Natural Method . สืบค้นเมื่อ 20 สิงหาคม 2558.
สโมสรสร้างสรรค์ทางเลือกคนแนวใหม่. [online] http://neric-club.com/data.php?page=48&menu_id=76 . การสอนวิธีธรรมชาติ .สืบค้นเมื่อ 20 สิงหาคม 2558
เลิศชาย ปานมุข
[online]. http://www.banprak-nfe.com/webboard/index.php?topic=2874.0;wap2. ทฤษฎีการเรียนรู้. สืบค้นเมื่อ 20
สิงหาคม 2558